วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

หน่วยที่ 2 โบลต์ นัต และสกรู

แนวคิด
            ปัจจุบันเครื่องยนต์ถูกออกแบบให้มีกำลังม้ามากขึ้น มีอัตราความเร็วรอบสูง และมีชิ้นส่วนประกอบเข้าด้วยกันหลายชิ้น ส่งผลให้เกิดการสั้นสะเทือนรุนแรง ดังนั้นวิศวกรจึงต้องออกแบบอุปกรณ์ขึ้นมาจับยึดชิ้นส่วนให้มั่นคง ด้วยเหตุผลเพื่อเชื่อมต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ป้องกันชิ้นส่วนหลุด และให้ง่ายต่อการถอดแยกชิ้นส่วนออกจากกัน
            อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเหตุผลดังกล่าวข้างต้นก็คืออุปกรณ์จับยึด เช่น โบลต์ นัด และ สกรู ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิดทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้งาน และเป็นสิ่งจำเป็ฯยิ่งที่ช่างจะต้องรู้รายละเอียดเพื่อที่จะได้เลือกนำไปใช้งานได้อย่างถูกต้อง
สาระการเรียนรู้
1.โบลต์ (Bolt)        นัต (Nut)
        มาตรฐานของโบลต์ และนัต        สกรู (Screw)
        แหวนรอง (Washers)        อุปกรณ์ช่วยล็อก (Locking devices)
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
        จำแนกชนิดของโบลต์ได้        จำแนกชนิดของนัตได้        บอกขนาดของโบลต์และนัตได้        อธิบายวิธีเลือกแหวนรองให้เหมาะสมกับการใช้งานได้        บอกวิธีการล็อกนัตและโบลต์ได้
โบลต์ นัต และสกรู
            การจับยึดวัสดุในงานอุตสาหกรรมแบ่งได้ 2 แบบ คือ การจับยึดแบบถาวร และการจับยึดแบบชั่วคราว การจับยึดแบบถาวร ได้แก่ การเชื่อม กาจับด้วยกาว การใช้หมุดย้ำ เป็นต้น
            ในงานด้านช่างยนต์นั้นส่วนมากเป็นการจับยึดแบบชั่วคราวซึ่งแบ่งได้ 2 แบบ คือ การจับแบบยึดโดยใช้เกลียว และการจับยึดที่ไม่ใช้เกลียว ในที่นี้จะกล่าวเกี่ยวกับการจับยึดแบบชั้วคราวซึ่งใช้มากที่สุดในงานช่างยนต์มีรายละเอียดดังนี้


โบลต์ (Bolt)
            โบลต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า สลักเกลียว มีลักษณะเป็นแท่งโลหะมีหัวกลมหรือเหลี่ยมตอนปลายมีเกลียวสำหรับยันยึดกับนัต (แป้นเกลียว) ลักษณะของโบลต์ ประกอบด้วยแกนโบลต์ (Body) เกลียว (Thread) และหัว (Head)
1.ชนิดของโบลต์
โบลต์ที่นิยมใช้ในงานช่างยนต์ มีดังนี้
1.1. โบลต์หัวหกเหลี่ยม (Hexagonal Head bolt) โบลต์หัวหกเหลี่ยมมีหลายแบบบางแบบมีหน้าแปลนหรือใช้แหวนสปริงรอง โบลต์แบบหน้าแปลนส่วนหัวของโบลต์จะสัมผัสกับชิ้นส่วนได้พื้นผิวมาก ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเสียหายกับชิ่นส่วนได้น้อย โบลต์แบบมีแหวนรองแบบนี้ประสิทธิภาพคล้ายคลึงกับแบบมีหน้าแปลน จะนำไปใช้เมื่อต้องการยึดชิ้นส่วนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าหัวโบลต์ โบลต์แบบนี้จะใช้แหวนสปริงรองระหว่างหัวโบลต์กับแหวมรองเพื่อลงการคลายของโบลต์ให้น้อยลง
1.2. โบลต์รูปตัวยู (U-Bolts) โบลต์แบบนี้มีลักษณะเหมือนตัวยู จึงเรียกกว่าโบลต์รูปตัวยูในรถยนต์จะใช้ในการยึดแผ่นแหนบเข้ากับเสื้อเพลาท้าย
1.3. สตัด (Studs) ถือเป็นโบลต์ชนิดหนึ่งมีลักษณะที่ปลายทั้งสองข้างจะเป็นเกลียวปลายข้างหนึ่งจะเป็นเกลียวหยาบเพื่อขันเข้ากับชิ้นงาน ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งจะเป็นเกลียวละเอียด จะใช้กับนัตเพื่อยึดชิ้นงาน
2.การใช้งานโบลต์
การนำโบลต์ไปใช้งานเพื่อจับยึดชิ้นงานแบ่งได้ดังนี้
2.1. ใช้โบลต์จับยึดชิ่นงานส่วนร่วมกับนัต ใช้โบลต์และนัตจับยึดชิ้นส่วนสองชิ้นเข้าด้วยกันโดยจะต้องมีรูบนชิ้นส่วนทั้งสอง ปกติรูจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าขนาดของโบลต์เล็กน้อยเพื่อให้สามารถสอดโบลต์ผ่านชิ้นงานได้สะดวก เมื่อสอดโบลต์ไปแล้วก็จะล็อกชิ้นงานด้วยนัต แต่ส่วนมากก่อนที่จะล็อกนัตนิยมสวมแหวนรองไปก่อนเพื่อช่วยกระจายแรงดันที่ใช้ในการจับยึดชิ้นงานทำให้การจับยึดนั้นดีขึ้น
2.2. ใช้โบลต์จับยึดเพียงอย่างเดียว ในงานบางอย่างอาจต้องใช้โบลต์จับยึดเพียงอย่างเดียวในการจับยึดชิ้นงานเข้าด้วยกัน เช่น ชิ้นงานหนึ่งมีความหนามากๆ ไม่สะดวกในการเจาะรูให้ทะลุหรือไม่มีพื้นที่สำหรับนัตในการจับยึดอีกด้านหนึ่ง

นัต (Nut)
            นัต คือ แป้นเกลียวตัวเมียที่ใช้คู่กับโบลต์หรือสลักเกลียว มีลักษณะเป็นเหลี่ยมมีรู้ตรงกลาง และมีเกลียวอยู่ภายใน นัตที่ใช้งานทั่วๆ ไปจะเป็นแบบหัวหกเหลี่ยม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายชนิด เช่น นัตหัวสี่เหลี่ยม นัตหัวกรมเจาะรูข้าง นักตัวกลร่องผ่านข้าง นัตหางปลา ลักษณะของนัตชนิดต่างๆ
มาตรฐานของโบลต์ และนัต
            มาตรฐานของโบลต์และนัต จะมีลักษณะเป็นไปตามมาตรฐานและรูปร่างเกลียว ส่วนใหญ่มี 2 ระบบ คือ ระบบ เมตริก และระบบอังกฤษชิ้นส่วนในงานช่างยนต์โดยทั้วไปจะใช้มาตรฐานของระบบเมตริกซึ่งมีหน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร
            ความหมายสัญลักษณ์มาตรฐานของเกลียวในระบบเมตริก มีดังนี้
เช่น M12 x 1.75 4T
            M         คือ เกลียวระบบเมตริก
            12         คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของโบลต์ เท่ากับ 12 มิลลิเมตร (มม.)
            1.75      คือ ระยะพิตช์ เท่ากับ 1.75 มิลลิเมตร (มม.)
            4T        คือ ค่าแรงขัน มีหน่วนเป็นกิโลกรัมต่อตะรางมิลลิเมตร (กก./มม.2) ค่าแรงขั้นนี้จะปรับทับอยู่ด้านบนของโบลต์
            โบลต์ที่มีมาตรฐานเกลียวในระบบหน่วยอังกฤษจะใช้แทนระบบเมตริกไม่ได้ทั้งนี้เนื่องจากระยะความห่างจากยอดฟันถึงยอดฟันเกลียวถัดไปไม่เท่ากัน หรือเราเรียกว่าระยะพิตซ์ (Pitch) การวัดระยะพิตซ์ของเกลียวจะวัดด้วยหวีวัดเกลียว (Thread guge) ซึ่งจะทำให้ทราบว่ามีระยะพิตซ์เท่าไรหวีดวัดเกลียวจะมีหลายใบแหละหลายขนาดในแต่ละใบจะมีตัวเลขบอกรยะพิตซไว้ การใช้งานเมื่อนำหวีวัดเกลียวไปใส่ที่เกลียวของโบลต์หรือนัตแล้วพอดีแสดงว่าโบลต์มีระยะพิตซ์เท่ากับตัวเลขที่บอกไว้ในใบนั้นของหวีวัดเกลียว

สกรู (Screw)
            สกรูเป็นโบลต์อย่างหนึ่งที่มีขนาดเล็กและมีหลายชนิด สกรูผลิตจากเหล็กกรมขนาดเล่น บางชนิดมีเกรียวตลอดสกรู มีลักษณะหัวที่แตกต่างกันไป มีทั้งหัวกลม หัวหกเหลี่ยม หัวสี่เหลี่ยม และหัวฟง บนหัวจะทำเป็นร่องผ่าเอาไว้หรือเป็นหลุมลงไปเพื่อใช้สำหรับขันหรือคลายเกลียว สกรูตัวเล็กๆ ส่วนใหญ่จะมีปลายเรียว ชนิดของสกรูแบ่งได้ดังนี้
1.สกรูเครื่องจักร Machine screw
สกรูเครื่องจักมีขนาดเล็ก ใช้สำหรับยันเข้าไปในรูเกลียวโดยไม่ต้องใช้ร่วมกับนัต ลักษณะของหัวสกรูจะมีหลายแบบ เช่น สกรูหัวผ่า สกรูหัวแฉก สกรูหกเหลี่ยม ลักษณะของสกรูเครื่องจักรชนิดต่างๆ
2.สกรูโลหะแผ่น Sheet metal screw
สกรูโลหะแผ่น ใช้สำหรับขันยึดโลหะบางๆ เข้าด้วยกันโดยไม่ต้องใช้ร่วมกันนัต เนื่องจากเกลียวของสกรูจะยึดชิ้นงานด้วยตัวของมันเอง ทำให้ยึดแน่ได้ดีแม้จะมีการสั่นสะเทือนมาก การยึดจ้ะองเจาะรู้ให้เล็กกว่าสกรูและขันยัดเข้าไป ลักษณะของหัวสกรูโลหะแผ่นทีหลายแบบ

แหวนรอง (Washers)
            แหวนรองใช้สำหรับรองโบลต์ นัก สกรู และสตัด แหวนรองที่นิยมใช้ในงานช่างยนมีหลายแบบดังนี้
1.แหวนสปริง Split ring
แหวนสปริงทำจากเหล็กสปริงเหนียว มีลักษณะเป็นวงแหวนลายทั้งสองจะตัดขาดออกจากกันโดยปลายข้างหนึ่งจะถูกบิดขึ้น เมื่อใช้แหวนสปริงรองและขันให้แน่นส่วนปลายที่ปิดจะยึดเข้าในเนื้อของนัตหรือโบลต์ เพื่อใช้ชิ้นส่วนอยู่กับที่เป็นการป้องกันการคลายตัวของนักและโบลต์
2.แหวนรองแบน Flat Washers
แหวนรองแบนหรือแหวนอีแปะ มีลักษณะเป็นวงกลมและแบน เจาะรูตรงกลาง ใช้สำหรับรองระหว่างโบลต์หรือนักกับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ แหวนรองแบนช่วยกระจายแรงกดของโบลต์หรือนัตและป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เป็นรอย
3.แหวนรองล็อก Lock Washers
แหวนรองล็อกจะมีฟันเป็นซี่ มีทั้งแบบฟันภายใน และแบบฟันภายนอก ให้รองโบลต์หรือนัตซี่ฟันของแหวนจะจับยึดโบลต์และชิ้นงานเป็นรอย และความเป็นสปริงของแหวนจะช่วยป้องกันไม่ให้โบลต์และนัดคลาย

อุปกรณ์ช่วยล็อก (Locking devices)
อุปกรณ์ช่วยล็อกมีไว้สำหรับป้องกันการคลายของนัตและโบลต์ ใช้งานช่างยนต์มีใช้หลายอย่างดังนี้
1.นัตล็อก
               นัตล็อกจะมีเกลียวแบบนัตส่วนบนจะทำเป็นวงกลมไม่มีเกลียวเมื่อขันนักแน่นแล้วเพื่อป้องกันการคลายให้ตอกส่วนที่เป็นวงกลมให้ยบตัวการเสียรูปขอนัตนี้จะป้องกันการกลวหรือคลายตัวของนัต นัตแบบนี้ใช้ทั่วไปกับชิ้นส่วนของระบบส่งกำลังของรถยนต์ เช่น นัตล็อกเพลาขับ ลักษณะของนัตล็อกและการใช้งาน
2.แหวนล็อก Snap ring
แหวนล็อกใช้สำหรับชิ้นส่วนในระบบส่งกำลังของรถยนต์เข้าด้วยกัน แหนแบบนี้มีทั้งล็อกภายนอกและล็อกภายใน ที่ปลายทั้งสองของแหวนจะมีรูสำหรับใช้กับคีมถ่างแหวนหรือคีมหุบแหวนลักษณะของแหวนล็อก
3.สลักล็อกแบบพับปลาย Cotter pin
สลักล็อกแบบพับปลายทำจากโลหะอ่านใช้สำหรับล็อกนัตที่มีหัวเป็นร่อง เพื่อป้องกันการคลายส่วนใหญ่ใช้ในระบบนังคับเลี้ยวของรถยนต์ การใช้งานเมื่อสอดสลักผ่านรูโบลต์แล้วสามารถที่จะพับได้สลักล็อกแบบพับปลายควรเลือกให้ขนาดพอดีกับรู และเมื่อสอดเข้ากับรู้โบลต์แต่ร่องผ่าที่นัตไม่ตรงจะต้องขันนัตไปในทิษทางตามเข็มนาฬิกา (ขันให้แน่ขึ้น) การพับปลายของสลักนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของนัต
4.นัตล็อกในตัว Self locking nuts
นัตล็อกในตัว ใช้สำหรับป้องกันการคลายตัวของนัต ที่ด้านบนของนัตมีของที่ออกแบบมาแตกต่างกัน เช่น ทำด้วยพลาสติก ทำเป็นร่อง ทำเป็นร่องด้านข้าง เป็นต้น ปัจจุบันนัตล็อกตัวจะใช้แบบของที่ทำด้วยพลาสติก เมือขันจนแน่นส่วนที่เป็นพลาสติกจะเป็นเกลียวเนื่องจากโบลต์พลาสติกมีความหยุ่นตัวจึงป้องกันการคลายได้
5.แผ่นพับล็อก Flat metal lock
แผ่นพับล็อก ใช้สำหรับป้องกันการคลายตัวของโบลต์และนัต แผ่นพับล็อกทำมาจากเหล็กอ่อนเมื่อต้องการล็อกสามารถพับขึ้นรูปด้านข้างเลียบโบลต์ได้ ส่วนใหญ่แผ่นพับล็อกจะใช้ในการล็อกโบลต์เฟืองบางศรีของเฟืองท้าย ล็อกโบลต์ของล้อช่วยแรง

คำศัพท์ท้ายหน่วย

Bolt (n.) = สลัก,เกลียวBody = แกนโบลต์Thread =  เกลียวHead = หัวU-Bolts  = โบลต์รูปตัวยูStuds = สตัดScrew = สกรูWashers = แหวนรองSplit ring = แหวนสปริงLocking devices = อุปกรณ์ช่วยล็อกPitch = ระยะพตซ์Sheet metal screw  = สกรูโลละแผ่นHexagonal head bolt = โบลต์หัวหกเหลี่ยมFlat Washers = แหวนรองแบนLock Washers = แหวนรองล็อกThread gauge =  หวีวัดเกลียวSnap ring = แหวนล็อกNut = นัดหรือแป้นเกลียวตัวเมียCotter pin = สลักล็อกแบบพับปลายSelf locking nuts = นัตล็อกในตัวFlat metal lock = แผ่นพัลล็อกMachine screw = สกรูเครืองจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทที่ 7